“มะรุม” เป็นชื่อสามัญท้องถิ่นของพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Centella asiatica ซึ่งมีสารสำคัญที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณและมีคุณสมบัติทางยาศาสตร์หลายประการ ดังนี้:
- บำรุงผิวพรรณ: มะรุมมีสารสำคัญเช่น ไซโทสเตอรอล ที่มีฤทธิ์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ช่วยให้ผิวเนียนเรียบและกระชับขึ้น
- ลดอาการอักเสบและริ้วรอย: มะรุมมีสมบัติต้านอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบของผิว และมีคุณสมบัติทางการแพทย์ในการช่วยลดริ้วรอย
- บำรุงสมรรถภาพระบบหลอดเลือด: มะรุมมีฤทธิ์ที่ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพของระบบหลอดเลือด ซึ่งสามารถช่วยลดอาการอาการแผลเป็นลำดับ
- ลดการอักเสบและสั่นหน้า: มะรุมมีสารสำคัญที่ช่วยในการลดการอักเสบและลดอาการสั่นหน้าที่เกิดขึ้นได้
ในทางการแพทย์มะรุม (Centella asiatica) มีการใช้งานที่หลากหลายและมีความสำคัญในการรักษาหลายๆ อาการได้แก่:
- การรักษาแผล: มะรุมมีสารสำคัญที่ช่วยในการเพิ่มกระบวนการหายของแผลโดยเฉพาะแผลเรื้อรังที่ยากจะหายได้ เช่น แผลเป็นลำดับ หรือแผลที่เกิดจากการผ่าตัด
- การรักษาอาการทางเลือด: มะรุมมีสารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด เช่น ลดอาการอักเสบของเส้นเลือดหรือกำเนิดโรคข้อเสื่อม
- การบำรุงผิว: มะรุมมีสารไซโตไสตีนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ช่วยให้ผิวเนียนเรียบและกระชับขึ้น ช่วยลดริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
- การลดอาการเครียด: มะรุมมีสารสำคัญที่ช่วยลดอาการเครียดและเสริมสร้างความทรงจำ มักนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรในบางที่เพื่อช่วยปรับสมดุลของระบบประสาท
การใช้มะรุมในทางการแพทย์ควรให้คำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
การใช้มะรุมเพื่อใช้ในทางการแพทย์หรือสุขภาพควรทำตามข้อแนะนำเหล่านี้:
- ปรึกษาแพทย์: ก่อนที่จะใช้มะรุมหรือสมุนไพรใดๆ เพื่อการรักษาหรือการบำรุงสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมตามสภาวะสุขภาพและอาการที่มีอยู่
- ระวังสารสำคัญ: มะรุมอาจมีสารสำคัญที่สามารถกระตุ้นระบบต่างๆ ของร่างกายได้ เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบประสาท จึงควรใช้ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้: ถ้าได้รับคำแนะนำในการใช้มะรุมจากแพทย์หรือเภสัชกร ควรปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้และปริมาณที่ระบุอย่างเคร่งครัด
- ติดตามอาการ: หลังจากการใช้มะรุม ควรติดตามอาการของตัวเองอย่างใกล้ชิด และรายงานให้แพทย์ทราบถ้ามีอาการผิดปกติหรืออาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!